ใส่ ปี่เซียะ เข้าห้องน้ำได้ไหม : เวลาเข้าห้องน้ำ ต้องถอดมั๊ย?
ตอบ : ถ้าอาบน้ำ ควรถอดครับ ถ้าถ่ายหนัก(อุจจาระ) ควรถอดครับ เพราะเมื่อเราถ่ายเสร็จ ต้องล้างทำความสะอาด คนโบราณก็เลยเกรงว่าสร้อยข้อมือปี่เซียะจะมีโอกาสไปสัมผัสกับสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมอยู่แล้วครับ…
ก่อนอื่น : ต้องขอขอบพระคุณลูกค้าที่ให้เกียรติผม และร้าน www.Heng168.me เป็นผู้จัดหาสร้อยข้อมือปี่เซียะคู่บารมี ให้กับลูกค้า
ผมมักจะพูดกับลูกค้าหลายๆท่านเสมอ ว่า คุณลูกค้าเอง มีบารมีที่จะได้ครอบครองปี่เซียะอยู่แล้ว ผมเองมีหน้าที่เป็นเพียง“สะพานบารมี” เชื่อมให้ลูกค้าสามรถครอบครองปี่เซียะได้งายขึ้น และได้ “ปี่เซียะคู่บารมี” ที่มีความสวยงาม คุ้มกับทรัพย์ที่ลูกค้าได้บูชาไปจากทางร้าน
.
รูปแบบของสร้อยข้อมือปี่เซียะที่ลูกค้าได้ครอบครองอยู่นี้ ผมได้ทำการคัดเลือก มาแล้วมากมายหลายรูปแบบ จนมาลงตัว ณ รูปแบบปัจจุบันที่ท่านเห็นอยู่นี้
.
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมยึดถือ ก็คือ เมื่อลูกค้าบูชาไปแล้ว ต้องใส่ได้ และต้องเหมาะกับขนาดข้อมือของลูกค้า ใส่แล้วนอกจากเสริมโชคลาภแล้ว ยัง ต้องเสริมสง่าราศี ให้กับลูกค้า อีกด้วย
ลูกค้าหลายท่าน จึงได้รับคำแนะนำให้ใส่แบบ ปี่เซียะเดี่ยว มากกว่าปี่เซียะคู่ เพราะอันที่จริงแล้ว แบบตัวเดียว จะเหมาะกับการทำเป็นสร้อยข้อมือมากกว่าแบบคู่
.
แล้วความหมายและอานุภาพ ระหว่างตัวเดียว กับแบบคู่ จะเหมือนกันมั๊ย? จะเท่ากันมั๊ย?
“ผมขอบอกตรงนี้เลยครับว่า เหมือนกันทุกประการ”
แล้วทำไมบางเพจ บางร้าน หรือบางเว็บ บอกกว่า แบบคู่ ดีว่าแบบตัวเดียว?
When you go to China, it is commonly known as a Pi Xiu (貔貅), the Male is known as Pi (貔) while the Female is known as Xiu (貅). However, as generations passed down, there is no longer a difference of sex; instead, it was placed as a single Feng Shui display item. But most sellers of the Pi Xiu (貔貅) in China will still sell it to you as a pair, which is easier to convince a customer by saying that the male goes out to search for wealth and the female stays at home to guard the wealth. In business terms, it will be more profitable to sell a pair rather than one piece.
“เมื่อคุณไปเมืองจีน เรามักจะได้รับคำแนะนำว่า ปี่เซียะ มี 2 เพศ ตัวผู้ เรียกว่า “ปี่” ตัวเมีย เรียกว่า “เซียะ” ทั้งที่ดั้งเดิมแล้ว ปี่เซียะไม่ได้มีการแบ่งแยกเพศแต่อย่างใด แต่พ่อค้าชาวจีน ต้องการขายปี่เซียะเป็นคู่ เพราะจะทำกำไรได้มากกว่า และเป็นเรื่องง่ายที่จะขายเป็นคู่ เพียงบอกว่า ถ้าซื้อเป็นคู่ ตัวผู้ และตัวเมีย จะช่วยให้ลูกค้ามีความมั่งคั่งมากขึ้น เพราะตัวผู้ จะทำหน้าที่ออกไปหาเงินนอกบ้าน ส่วนตัวเมีย จะทำหน้าที่เฝ้าทรัพย์สมบัติในบ้านไม่ให้รั่วไหล ซึ่งก็จะทำให้พ่อค้าแม่ค้า สามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นสองเท่าจากการขายเพียงแค่ครั้งเดียว”
วิธีการบูชาปี่เซียะ
แนวทางในการปฎิบัติเมื่อได้รับปี่เซียะ เป็นคลิปสั้นๆของจีน ซึ่งก็จะคล้ายๆกับแนวทางที่ผมได้เขียนอธิบายไว้
เมื่อนำปี่เซียะเข้าบ้านเป็นครั้งแรก
– ให้จุดธูป 5 ดอก บอกต่อศาลเจ้าที่ หรือศาลพระภูมิ หรือศาลตี่จู่เอี๊ยะก่อน ว่าในวันนี้ ข้าพเจ้าจะขอนำปี่เซี๊ยะเข้ามาอยู่ด้วย ในบ้านหรือในอาคารนี้
– กรณีมีห้องพระ ก็ให้จุดธูปบอกต่อพระพุทธและเทพต่างๆ ด้วยเช่นกัน ว่าจะขอนำปี่เซี๊ยะเข้ามาอยู่ด้วยในบ้านหรือในอาคารนี้
*** กรณีไม่สะดวกจุดธูป ให้ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ แล้วขออนุญาตเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ครับ***
การเบิกเนตรปี่เซียะ (เคล็ดลับตามวิธีจีนโบราณ)
เซียะที่นำเข้ามา เจ้าของสามารถทำพิธีบูชา เบิกเนตรเองที่บ้านได้
โดยเลือกวัน เวลา ที่เราสะดวกเป็นหลัก
1.) นำปี่เซียะ ไปทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น (คือใช้น้ำธรรมดาและน้ำร้อน ผสมกันอย่างครึ่งเป็นการปรับสมดุลด้วยพลัง หยิน-หยาง)
โดยนำปี่เซียะคู่บารมีของท่าน ใส่ไว้ในถ้วย เลือกภาชนะให้เหมาะสมกับขนาดปี่เซียะ
บรรจงเทน้ำในแก้วทั้ง 2 แก้ว(น้ำธรรมดาและน้ำร้อน) พร้อมๆ ลงไปในถ้วย ให้ท่วมสร้อยข้อมือ
แช่ไว้ประมาณ 15-20 นาที
เมื่อครบเวลา 15-20 นาที เริ่มทำการเบิกเนตรปี่เซียะของท่าน โดยใช้ผ้าสะอาดเช็ดที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างก่อน เป็นการเปิดเนตร หรือเบิกเนตร โดยหันหน้าปี่เซี่ยะเข้าหาหน้าท่าน จ้องมองที่ดวงตาของปี่เซียะ ให้ปี่เซียะมองเห็นว่าเราคือ “คู่บุญหรือเจ้าของปี่เซียะ” ในขณะนั้นให้ อธิษฐานจิตและพูดคุยกับปี่เซียะ กล่าวว่า…
.
“ต่อไปนี้ ข้าพเจ้า เป็นเจ้าของปี่เซียะแล้ว ขอให้ปี่เซียะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ช่วยหาเงินทอง เรียกโชคลาภ ความร่ำรวย สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตและให้เราสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ด้วยเถิด…” แล้วเช็ดให้แห้ง
2.) นำปี่เซียะ ไปวางที่หน้าพระพุทธรูป หรือ เจ้าแม่กวนอิม
นำแก้วใส่น้ำเย็นและน้ำร้อน อย่างละเท่ากัน วางเพื่อถวายให้กับปี่เซียะ (ใช้น้ำใหม่ ไม่ใช่น้ำที่ใช้แช่ปี่เซียะในข้อแรก)
3.) จุดธูป 5 ดอกตั้งจิตอธิฐานและสวดมนต์
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า
“อุ อา กะ สะ ปี่เซียะ อานุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม”
จากนั้น ให้กล่าวว่า
“วันนี้ วันมงคล ข้าพเจ้า …(ชื่อ-สกุล )…
ขอนำปี่เซียะ สัตว์สวรรค์มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน
เพื่อช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย และ ช่วยหาเงินทอง
ขอความร่ำรวย ทรัพย์สินเพิ่มพูน ความเจริญรุ่งเรือง มาสู่ข้าพเจ้า
ขอท่านจงประทานพรให้ด้วยเทอญ สาธุ”
แล้วปักธูปในกระถาง เป็นอันเสร็จพิธีเบิกเนตร
ในแต่ละวัน ต้องบูชาอย่างไรบ้าง?
เคล็ดลับ(ส่วนตัว)การขอพรปี่เซียะ
ทุกเช้า ก่อนสวมสร้อยข้อมือ หรือนำจี้ พกติดตัว
– สวดมนต์ไหว้พระ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละท่านนับถือ
– บูชาปี่เซียะ เป็นลำดับสุดท้าย
คาถาบูชา
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า
“อุ อา กะ สะ ปี่เซียะ อานุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม”
– ผมถวายน้ำสะอาด 1 แก้ว (เปลี่ยนน้ำทุกวัน)
ลูบที่ตัวปี่เซียะ จากหัวไปยังหาง
พร้อมกับพูด ขอพร ตามต้องการ (พูดขอพรซ้ำๆกัน 3-5 ครั้ง)
*** ตัวอย่างส่วนตัว***
– นำปี่เซียะมาลูบบริเวณลำตัว จากหัวไปหาง 3 ครั้ง
“ขออานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ และบารมีของปี่เซียะ จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้า…(ชื่อ สกุล)…
มีกำไรจากการค้าขายในวันนี้ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
มีกำไรจากการค้าขายในวันนี้ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
มีกำไรจากการค้าขายในวันนี้ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
*** เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ครับ ***
พูด ย้ำ 3-5 ครั้ง โดยระหว่างพูด ให้เราจินตนาการถึงภาพความสำเร็จ หรือความรู้สึกดีใจเมื่อพรนั้นสำเร็จ
แล้วจังสวมสร้อยข้อมือ หรือ จี้(ห้อยคอ)
*** เคล็ดลับการขอพร ***
– เอ่ยชื่อจริง – นามสกุล
– ขอพรเรื่องเดิมบ่อยๆ เป็นเรื่องๆไป ระบุความสำเร็จหรือผลลัพท์ ให้ชัดเจน (ดังตัวอย่างที่กล่าวมา)
– ไม่ขอมั่วปนกันหลายเรื่อง เมื่อพรที่ขอสำเร็จ จึงค่อยขอพรเรื่องต่อไป
***โดยส่วนตัว ผมสวดมนต์และขอพร ทุกเช้า ***
* หากไม่ใส่ติดตัว ถ้าเป็นไปได้ให้ถวายน้ำสะอาดเปลี่ยนทุกวัน (หรือตามความสะดวก)
-> ปี่เซียะ ถือเป็นสัตว์สวรรค์ จึงควรหมั่นเพิ่มพลังด้วยการทำความดี รักษาศีล ให้ทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ (ตามความสามารถที่เราทำได้ ไม่ต้องฝืน)
-> การนำปี่เซียะติดตัวไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัด หรือพุทธสถานต่างๆ จะเป็นการเพิ่มพลัง และเพิ่มบารมีให้กับปี่เซียะได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวังสำหรับการบูชาปี่เซียะ พร้อมมุมมองส่วนตัวในทางปฏิบัติจริง
1. ปี่เซียะเป็นสัตว์มงคลเฉพาะบุคคล เมื่อบูชาแล้วป็นของคนนั้น ห้ามยกให้ใครเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็เหมือนว่าท่านยกโชคลาภให้คนอื่น
ถาม : หากต้องการมอบให้คนใกล้ตัว หรือบุคคลอื่นไปบูชาต่อ จะได้ไหม?
ตอบ : สามารถทำได้ครับ โดยทำการซื้อขายกันด้วยเงินจำนวนเท่าไรก็ได้ (แนะนำที่ 8 บาท เพราะถือเป็นเลขมงคลของจีน) เพื่อเป็นเคล็ด ให้รู้ว่าเป็นการเปลี่ยนเจ้าของแล้ว และแนะนำให้เจ้าของใหม่ ทำพิธีเบิกเนตรด้วยตนเอง ตามวิธีการข้างต้น
ข้อห้ามนี้ คนโบราณสอนอะไรเรา?
ผมว่า คนโบราณสอนให้เรารู้จักการเก็บรักษาทรัพย์สินที่เราหาได้มาโดยชอบธรรม เพราะสิ่งนี้ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของการเป็นเศรษฐี ทรัพย์สมบัติที่มี ควรเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ไม่ใช่แจกจ่ายหรือยกให้ผู้อื่นง่ายๆ โดยขาดความยั้งคิด หรือขาดการตรึกตรองให้ดีเสียก่อน
2.ระวังอย่าให้คนอื่นมาจับลูบคลำปีเซียะของท่าน เนื่องจากลาภเคยได้จะถูกแบ่งออกไป
ถาม : แล้วถ้ามีเพื่อนมาขอจับดูเพราะเห็นว่าสร้อยข้อมือของเราสวยงามมาก หรือโดนสร้อยข้อมือปี่เซียะของเรา โดยไม่ได้ตั้งใจ จะเป็นอะไรไหม?
ตอบ : โดยส่วนตัว ผมมองว่า ไม่เป็นไรครับ… เพราะโดนแค่แป๊บเดียว…
คำว่า “จับลูบคลำปีเซียะของท่าน” แสดงว่า ต้องใช้เวลานานพอสมควร จึงจะเรียกว่า จับ ลูบคลำ
การโดนแค่แป๊บเดียว ไม่ถือว่าเราทำผิดข้อห้ามครับ…
ข้อห้ามนี้คนโบราณน่าจะต้องการสอนเราว่า ให้รู้จักปกป้องทรัพย์สมบัติในบ้านของเรา เพราะสมัยโบราณ ยังไม่มีสร้อยข้อมือปี่เซียะ จะมีก็คือรูปปั้นปี่เซียะที่วางไว้ในบ้าน หรือจุดที่สำคัญของตัวบ้าน…การปล่อยให้คนอื่นมาจับลูบคลำปี่เซียะ ก็เท่ากับว่า เราประมาท เลินเล่อ ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาในบ้านของเรา เข้ามาหยิบจับทรัพย์สมบัติในบ้านของเรา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว อย่าว่าแต่ “ลาภเคยได้จะถูกแบ่งออกไป” เลยครับ…ทรัพย์สินในบ้าน อาจจะถูกขโมยไปด้วยก็ได้
3.ห้ามเดินข้าม หรือวางไว้ที่ต่ำ หรือห้องเก็บของ ห้องน้ำ
ถาม : ใส่ ปี่เซียะ เข้าห้องน้ำได้ไหม : เวลาเข้าห้องน้ำ ต้องถอดมั๊ย?
ตอบ : ถ้าอาบน้ำ ควรถอดครับ ถ้าถ่ายหนัก(อุจจาระ) ควรถอดครับ เพราะเมื่อเราถ่ายเสร็จ ต้องล้างทำความสะอาด คนโบราณก็เลยเกรงว่าสร้อยข้อมือปี่เซียะจะมีโอกาสไปสัมผัสกับสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมอยู่แล้วครับ…
4.ห้ามพกพาปีเซียะไปงานศพ เพราะจะซึมซับพลังไม่ดี
5.ห้ามลูบปากเพราะจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่อยู่
แต่ถ้าลูบที่ หนวด เครา ถือเป็นมงคลครับ (อ้างอิงจากคำแนะนำที่วัดแดงประชาราษฎร์)
คาถาบูชา
“อุ อา กะ สะ ปี่เซียะ อานุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม”
——————–
ผู้ท่องคาถา จะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วนำไปปฏิบัติ จะเกิดผลดีมากต่อชีวิต
ย้ำอีกครั้งไม่ใช่แค่สวดอ้อนวอนนะครับ
เรามาดูกันว่า ในแต่ละอักขระในคาถาหมายความว่าอย่างไรกันบ้าง
# “อุ” ย่อมาจากคำว่า “อุฏฐานสัมปทา”
แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาความรู้เพื่อทำงานให้ได้ดี ต้องหนักเอาเบาสู้ในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย กิจการทั้งหลายต้องรู้จักรับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วง
# “อา” ย่อมาจากคำว่า “อารักขสัมปทา”
แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยการรักษาคุ้มครองทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ด้วยความ ขยันหมั่นเพียร ไม่ให้เงินทองรั่วไหลระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมิให้เปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ และรู้จักทำให้เงินนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดหรือให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นด้วยความชอบธรรม ไม่ลงทุนอะไรที่เกินกำลัง
# “กะ” ย่อมาจากคำว่า “กัลยาณมิตตตา”
แปลว่า การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่วเป็นมิตรสหาย เพราะคบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
พยายามรักษาเพื่อนดีๆ ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือค้ำจุนกันไปทั้งในทางโลกและทางธรรม “มีเพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา เหมือนมีเกลือนิดหน่อยด้อยราคา ดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล”
# “สะ” ย่อมาจากคำว่า “สมชีวิตา”
แปลว่า การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ รู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย อย่าให้สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยหรืออัตคัดขัดสนจนเกินไป ให้รู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม รวมถึงสิ่งที่หามาได้ด้วยอย่างชาญฉลาด
หากได้ประพฤติปฏิบัติตามหลักหัวใจเศรษฐีสี่ประการ คือ
#ขยัน
#หมั่นรักษา
#คบหาคนดี
#มีชีวิตพอเพียง
รับรองว่าได้เป็น ”มหาเศรษฐี” หรือ ผู้ประเสริฐที่สุดสมใจ มั่งมีเงินทองมหาศาลดั่งมหาเศรษฐีทั้งปวงแน่นอน
ขอให้ทุกท่าน โชคดี ร่ำรวย ๆๆๆๆ
www.Heng168.me
Pingback:HENG168.me